เริ่มต้นศึกษากราฟ เพื่อการลงทุนในหุ้น ควรเริ่มจากอะไรก่อน?

กราฟ เพื่อการลงทุนในหุ้น

การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นและท้าทาย โดยหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดสำหรับการตัดสินใจคือ “กราฟ” หรือที่เรียกว่า กราฟเทคนิค (Technical Analysis) การอ่านกราฟอย่างเข้าใจช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์แนวโน้มราคาและกำหนดจุดซื้อขายที่เหมาะสมได้ แต่สำหรับมือใหม่ การเริ่มต้นอาจดูสับสนได้ง่าย บทความนี้จะสรุปขั้นตอนการเรียนรู้เรื่องกราฟอย่างเป็นระบบ เพื่อให้คุณเริ่มต้นได้อย่างถูกทิศทาง

ขั้นตอนที่ 1 เข้าใจพื้นฐานของกราฟ

ก่อนที่จะเจาะลึกไปที่เทคนิคซับซ้อน คุณต้องเข้าใจส่วนประกอบพื้นฐานของกราฟให้ดีก่อน โดยทั่วไปกราฟหุ้นที่นิยมใช้กันมี 2 ประเภทหลัก ได้แก่

    • กราฟแท่งเทียน เป็นรูปแบบกราฟที่นิยมที่สุด

เพราะแสดงข้อมูลสำคัญได้ครบถ้วนในแท่งเดียว ได้แก่ ราคาเปิด (Open), ราคาสูงสุด (High), ราคาต่ำสุด (Low), และ ราคาปิด (Close) การเข้าใจความหมายของแท่งเทียนแต่ละรูปแบบ เช่น แท่งเทียนที่เต็มไปด้วยสีเขียวหรือแดง จะช่วยให้คุณประเมินแรงซื้อแรงขายในแต่ละช่วงเวลาได้

  • กราฟเส้น เป็นกราฟที่แสดงเพียงราคาปิดของหุ้นในแต่ละช่วงเวลา เหมาะสำหรับการดูแนวโน้มโดยรวมในระยะยาว

ขั้นตอนที่ 2 ทำความรู้จักกับ “แนวโน้ม”

การวิเคราะห์กราฟเทคนิคส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากการหา “แนวโน้ม” หรือทิศทางหลักที่ราคาหุ้นกำลังเคลื่อนที่อยู่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 แบบ:

  • แนวโน้มขาขึ้น ราคาหุ้นทำจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (Higher Highs & Higher Lows)
  • แนวโน้มขาลง ราคาหุ้นทำจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง (Lower Highs & Lower Lows)
  • แนวโน้มไซด์เวย์  ราคาหุ้นเคลื่อนที่ในกรอบแคบ ๆ โดยไม่มีทิศทางที่ชัดเจน

การรู้ว่าหุ้นอยู่ในแนวโน้มใด จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะ “ซื้อ” เมื่ออยู่ขาขึ้น, “ขาย” เมื่ออยู่ขาลง, หรือ “รอ” เมื่อเป็นไซด์เวย์

ขั้นตอนที่ 3 เรียนรู้เครื่องมือและตัวชี้วัดเบื้องต้น

เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะใช้เครื่องมือเข้ามาช่วยยืนยันสัญญาณ โดยเครื่องมือหลัก ๆ ที่มือใหม่ควรเรียนรู้ก่อนมีดังนี้:

  • เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average – MA) เส้นที่แสดงราคาเฉลี่ยของหุ้นในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ เช่น MA50 คือราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 50 วัน ใช้เพื่อดูแนวโน้มและเป็นแนวรับแนวต้านได้
  • ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ข้อมูลที่แสดงจำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายในแต่ละช่วงเวลา การเปลี่ยนแปลงของราคาที่มาพร้อมกับ Volume ที่สูงผิดปกติมักเป็นสัญญาณที่น่าสนใจ
  • ดัชนีชี้วัดแรงซื้อแรงขาย (Relative Strength Index – RSI) เป็นตัวชี้วัดที่ใช้บอกว่าหุ้นอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)

ขั้นตอนที่ 4 ฝึกใช้โปรแกรมวิเคราะห์กราฟ

ทฤษฎีต้องมาพร้อมกับการปฏิบัติจริง โดยคุณสามารถเริ่มต้นได้จากโปรแกรมกราฟฟรีที่มีอยู่มากมาย เช่น TradingView, Settrade Streaming, หรือแอปพลิเคชันของโบรกเกอร์ที่คุณเปิดบัญชี การฝึกใช้โปรแกรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับการตั้งค่ากราฟ, การเพิ่มเครื่องมือต่าง ๆ และการดูข้อมูลจริงของตลาด

การเรียนรู้เรื่องกราฟที่ดีที่สุดคือการลงมือปฏิบัติจริง โดยเริ่มต้นจากหลักการพื้นฐานที่ง่ายที่สุดก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ต่อเติมความรู้ด้วยเครื่องมือที่ซับซ้อนขึ้น อย่าลืมว่าการวิเคราะห์กราฟเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการลงทุน และควรใช้ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท (Fundamental Analysis) ด้วยเสมอ